วันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

บันทึกการเรียนครั้งที่ 4 วันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2561

RECORD 4 
5 FEBRUARY 2018 
KNOWLEDGE

  • การสอนแบบมอนเตสซอรี่ 
  • ภาษาธรรมชาติ 
  • การสอนแบบวอลดอฟ 
  • การทำสารนิทัศน์ 
  • การทำ Portfolio 
หลักสูตรการสอนแบบมอนเตสซอรี่
     หลักสูตรการสอนแบบมอนเตสซอรี่ ดร.มาเรีย มอนเตสซอรี่ ผู้ริเริ่มคิดและจัดตั้งวิธีการสอนแบบมอนเตสซอรี่ จากความเชื่อในการจัดการศึกษาให้แก่เด็กในระยะเริ่มต้นว่า จุดมุ่งหมายในการให้การศึกษาในระยะแรกนั้น ไม่ใช่การเอาความรู้ไปบอกให้เด็ก แต่ควรเป็นการปลูกฝังให้เด็กได้เจริญเติบโตไปตามความต้องการตามธรรมชาติของเขา การที่จะช่วยให้เด็กได้เจริญเติบโตไปตามขั้นตอนของความสามารถนั้น ควรจะต้องพัฒนาการสอนให้สัมพันธ์กับพัฒนาการความต้องการของเด็ก ที่ต้องการจะเป็นอิสระในขอบเขตที่กำหนดไว้ให้ ตลอดจนการจัดสิ่งแวดล้อมอย่างสมบูรณ์ และพิถีพิถัน การสอนแบบมอนเตสซอรี่ ได้มาจากการที่มอนเตสซอรี่ได้สังเกตเด็กในสภาพที่เป็นจริงของเด็ก ไม่ใช่สภาพที่ผู้ใหญ่ต้องการให้เด็กเป็น จากการสังเกตเด็ก จึงได้พัฒนาวิธีการสอน การจัดเตรียมสิ่งแวดล้อม และอุปกรณ์การสอนต่างๆ ขึ้นมาใช้ โดยเริ่มต้นจากการทดลองที่โรงเรียน ที่มอนเตสซอรี่เข้าไปรับผิดชอบ ที่เรียกว่า Casa Dei Bambini หรือ Children's House แล้ววิธีการสอนนี้จึงได้แพร่หลายต่อไปจนทั่วโลกเช่นในปัจจุบัน

ปรัชญาและหลักการสอน
1.เด็กจะต้องได้รับการยอมรับนับถือ เด็กจะต้องได้รับการยอมรับนับถือในสภาพที่แตกต่างไปจากผู้ใหญ่
2.เด็กที่มีจิตซึมซับได้ มนุษย์เรานี้เป็นผู้ให้การศึกษาแก่ตนเองและเปรียบจิตของเด็กเหมือนฟองน้ำ ซึ่งจะซึมซับข้อมูลจากสิ่งแวดล้อม
3.ช่วงเวลาหลักของชีวิต คือ คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด สำหรับการเรียนรู้ในระยะแรกเป็นช่วงพัฒนาสติปัญญาและเด็กสามารถเรียนทักษะเฉพาะอย่างได้อย่างดี
4. การเตรียมสิ่งแวดล้อม มอนเตสซอรี่เชื่อว่า เด็กเรียนได้ดีที่สุดในสภาพการจัดสิ่งแวดล้อมที่ได้ตระเตรียมเอาไว้อย่างมีจุดหมายการจัดเตรียมสิ่งแวดล้อมเช่นนี้เพื่อให้เด็กได้มีอิสระจากการควบคุมของผู้ใหญ่
5. การศึกษาด้วยตนเอง เด็กสามารถเรียนได้ด้วยตนเองจากการที่เด็กมีอิสระในสิ่งแวดล้อมที่จัดเตรียมไว้อย่างสมบรูณ์

จุดมุ่งหมายของการศึกษา ช่วยพัฒนา หรือให้เด็กมีอิสระในด้านบุคลิกภาพของเด็กในวิถีทางต่างๆ อย่างมากมาย"สิ่งแวดล้อมของโรงเรียนระบบมอนเตสเซอรี่ คือ การจัดระบบเพื่อสะท้อนถึงศักยภาพที่แท้จริง และความต้องการของเด็ก เพื่อเด็กจะได้พัฒนาบุคลิกภาพของเขาลักษณะการสอนระบบนี้ เด็กจะก้าวหน้าไปตามธรรมชาติตามพัฒนาการของเด็ก เด็กมีอิสรภาพในการเลือกจากสิ่งแวดล้อมที่มีสิ่งต่างๆ ซึ่งสนองความพอใจ และความต้องการภายในของเขา เป็นการจัดระบบของตนเอง เพื่อเด็กจะได้ปรับตัวเข้ากับสภาพของสังคมและสิ่งมีชีวิตต่างๆ

หลักสูตรของการสอน หลักสูตรนี้คือการจัดการเรียนการสอนที่มีแนวคิด คำนึงถึงความสนใจ ความต้องการและความมุ่งมั่นตั้งใจในการเรียนรู้ รวมทั้งแก้ไขข้อผิดพลาดด้วยตนเองของเด็ก เพื่อให้เด็กเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างอิสระในขอบเขตที่กำหนดไว้ให้มีการเตรียมสิ่งแวดล้อม จัดห้องเรียนให้เหมาะสมกับวัยของเด็ก ให้เด็กซึมซับสิ่งแวดล้อมรอบตัว จนเกิดความอยากรู้ อยากเห็น และแสวงหาความรู้อย่างมีสมาธิ มีวินัยในตนเอง ให้เด็กเกิดการพัฒนาการทุก ๆ ด้านไปในเวลาเดียวกัน

หลักสูตรพื้นฐานสำหรับเด็กอายุ 3 ถึง 6 ขวบ แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่
1.การศึกษาทางด้านทักษะกลไก (Motor Education)
2.การศึกษาทางด้านประสาทสัมผัส (Education of the Senses)
3.การตระเตรียมสำหรับการเขียนและคณิตศาสตร์ (Preparation for Writing and Arithmetic)

วิธีการจัดการเรียนการสอน
เน้นการเรียนรู้ตามลำดับขั้น ไม่ต้องการให้เด็กลองผิดลองถูก สร้างสมาธิ ความมั่นใจ ครูสามารถวินิจฉัยและแก้ปัญหาการเรียนรู้ของเด็กได้ โดยสาธิตและฝึกให้เด็กเรียนรู้และตัดสินใจด้วยตนเอง

การเตรียม ครูเตรียมอุปกรณ์การศึกษาเด็กสามารถเข้าเรียนแบบคละอายุได้
การดำเนินการ ขั้นนำ เด็กเลือกอุปกรณ์การศึกษาตามความสนใจ ,ขั้นสอน ครูสาธิตให้เด็กดู
ขั้นสรุป ครูให้เด็กเก็บอุปกรณ์ ครูบันทึกความรู้ ครูบันทึกรายการอุปกรณ์

การจัดสิ่งแวดล้อม ห้องเรียนแบบเปิด (Open Classroom) นั่งสบาย บรรยากาศเหมือนบ้าน มีเครื่องใช้อุปกรณ์ที่จัดอย่างมีระเบียบ ของใช้จะมีขนาดเหมาะสมกับเด็ก ติดกระดาน ในระดับที่เด็กสามารถใช้งานได้ มีพื้นที่ให้เด็กได้เคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมบนพื้นได้ ชั้นวางของมีความสูงในระดับที่เด็กสามารถหยิบใช้งานได้

บทบาทครู

1.จัดสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์ (อุปกรณ์4หมวด บรรยากาศ บุคคล)
2.เชื่อมโยงเด็กกับอุปกรณ์ โดยสาธิตการใช้อุปกรณ์
3.มีความรักเด็ก ความรักเป็นพลังขับเคลื่อนชีวิต
4.ยอมรับนับถือเด็ก ให้อิสระในการเลือก คิด ทำ
5.ให้เด็กศึกษาค้นพบด้วยตนเอง
6.ไม่ตำหนิ ทำโทษ หรือให้รางวัล
7.สังเกตพฤติกรรมเด็ก บันทึกข้อมูล เพื่อวางแผนพัฒนาเด็กเป็นรายบุคคล
8.พัฒนาอุปกรณ์ส่งเสริมพัฒนาการเด็กให้ถึงขีดสุดของศักยภาพของแต่ละบุคคล
9.เป็นแบบอย่างที่ดีทั้งกาย วาจา และ จิต ใจ
10.พบปะผู้ปกครอง เพื่อร่วมกันส่งเสริมพัฒนาการเด็กเป็นระยะ

ประโยชน์ที่เด็กได้รับ
1.มีพัฒนาการทุกด้านเต็มตามศักยภาพ
2.มีระเบียบวินัย
3.มีสมาธิในการทำงาน รักความสงบ
4.ควบคุมตนเองและพึ่งพาตนเองได้
5.ทำงานร่วมกับผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่น
6.รู้สิทธิของตนเองและเคารพสิทธิของผู้อื่น
7.มีมารยาทตามวัฒนธรรมที่ตนอาศัยอยู่
8.รักอิสระและมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
9.รักสิ่งแวดล้อม
ที่มา : gotoknow


Whole language Approach โรงเรียนแนวการสอนภาษาแบบธรรมชาติ เป็นโรงเรียนที่มีแนวการสอนภาษาแบบบูรณาการ โดยมีปรัชญาหรือแนวคิดว่า เด็กเกิดมาพร้อมกับความสามารถที่จะเรียนรู้ภาษาได้ด้วยตัวเองจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว ผ่านการพูด ฟัง อ่าน เขียน โดยมีเด็กเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้นั้นๆ เอง ไม่ใช่การฝึกให้เด็กท่องจำเป็นคำๆ หรือสอนว่าควรอ่านก่อน ถึงจะเรียนเขียน แต่สอนให้เด็กเข้าใจความหมายของคำเป็นประโยคเพื่อใช้ในการสื่อสารเป็นหลัก

แนวการสอนภาษาแบบธรรมชาติจึงอาจสรุปได้ว่า
เป็นการจัดประสบการณ์ให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาจากสิ่งที่มีความหมายในชีวิตประจำวัน โดยการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนเพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้ภาษาในการสื่อสาร เช่น การถามตอบง่ายๆ การเล่านิทาน การช่วยกันแต่งนิทาน การแสดงบทบาทสมมติ เป็นต้น โดยมีครูเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ภาษาให้เด็กพัฒนาทักษะทางภาษาทั้งในด้าน การฟัง พูด อ่าน และเขียน และกระตุ้นให้เด็กได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนและครูในบรรยากาศที่อบอุ่น


Waldorf 
การศึกษาแนววอลดอร์ฟนี้จึงเน้นเรื่องของการเชื่อมโยงมนุษย์กับจักรวาล โดยมีมุมมองว่า เด็กควรได้เล่นอย่างอิสระ ชีวิตเรียบง่ายกลมกลืนกับธรรมชาติ เน้นการสอนให้รู้จักจุดยืนที่สมดุลของตนในการใช้ชีวิตอยู่บนโลก โดยผ่านกิจกรรม 3 อย่างคือ กิจกรรมทางกาย ผ่านอารมณ์ความรู้สึก และผ่านการคิด เน้นการให้เด็กได้ใช้พลังทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญา ด้านศิลปะ และด้านการปฏิบัติอย่างพอเหมาะ


กิจกรรมที่มุ่งเน้นในโรงเรียนวอลดอร์ฟ มักจะเน้นไปที่การเรียนรู้แบบธรรมชาติ ไม่มีห้องเรียน ไม่มีกระดานดำ แต่จะมีมุมต่างๆ ให้เด็กได้เรียนรู้ ได้เป็นอิสระที่จะคิดและสร้างสรรค์ หรือหากเด็กๆ ต้องการเล่นตุ๊กตา เล่นรถ ในห้องก็จะมีข้าวของที่ทำจากธรรมชาติให้ประดิษฐ์ดัดแปลงเล่นกัน เช่น ผ้าหลากสี ท่อนไม้ เปลือกไม้ ลูกสน เป็นต้น ทุกอย่างจะถูกกำหนดให้เป็นได้สารพัดตามแต่ใจเด็กๆ จะคิดฝันให่ออกมาเป็นอะไร หรือกำลังเล่นอะไร เช่น การวาดรูปด้วยสีน้ำ ปั้นดินเหนียว ปลูกผัก ปลูกต้นไม้ ทำอาหาร งานฝีมือ ล้างจาน เป็นต้น
ที่มา : รักลูก

Documentation for Young Children

สารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัย หมายถึง การจัดทำข้อมูลที่เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นร่องรอยของการเจริญเติบโต พัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย จากการทำกิจกรรมทั้งรายบุคคลและรายกลุ่ม

Portfoilo
  • ผลงานเด็ก 
  • เก็บเดือนละ 1 ชิ้น เทอมละ 4 เดือน 
  • สมุดพก 
  • ข้อมูลต่างๆ ของเด็ก 
APPLIED
สามารถนำวิธีการสอนต่างๆ ไปปรับใช้กับการจัดการเรียนการสอนในวิชาชีพได้ในอนาคต


VOCAB
  • Motor Education - การศึกษาทางด้านทักษะกลไก 
  • Education of the Senses - การศึกษาทางด้านประสาทสัมผัส 
  • Preparation for Writing and Arithmetic - การตระเตรียมสำหรับการเขียนและคณิตศาสตร์ 
  • Open Classroom - ห้องเรียนแบบเปิด 
  • Whole language Approach - การสอนแบบภาษาธรรมชาติ 
ASSESSMENT
self : นำเสนองานที่ได้รับมอบหมายได้ชัดเจน สนทนาถามตอบกับผู้สอน
friend : สนทนาถามตอบกับอาจารย์ ตั้งใจเรียน ตั้งใจฟังเพื่อนนำเสนอ
Teacher : มีการสรุปเนื้อหาในช่วงท้ายการรายงานทำให้ได้ทบทวนและชัดเจนยิ่งขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บันทึกการเรียนครั้งที่ 17 วันอังคาร ที่ 1 พฤษภาคม 2561

RECORD 17  1 MAY 2018  ชดเชย วันจันทร์ที่ 23 เมษายน 2561 KNOWLEDGE วิจัย หลักสูตร สาระสำคัญของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ.2560 ประ...